รู้จักกับอนุภาคโปรตอน

การทำงานของการรักษาด้วยอนุภาคโปรตอน

โปรตอนเป็นอนุภาคที่ได้จากเครื่องเร่งอนุภาคไซโคลตรอน ซึ่งสามารถมุ่งเป้าในการรักษาได้ด้วยการกำหนด ทิศทางเข้าไปยังก้อนมะเร็งได้อย่างตรงจุดมากยิ่งกว่ารังสีปกติ ทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบก้อนมะเร็ง ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังจะได้รับปริมาณรังสีที่น้อยหรือแทบไม่โดนรังสี ผลกระทบจากรังสีตกค้าง ในร่างกายจึงมีผลดีกว่ารูปแบบอื่น การรักษาด้วยอนุภาคโปรตอน แพทย์มักจะเลือกใช้รักษามะเร็งในส่วนที่ก้อนเนื้อใกล้เคียงกับอวัยวะสำคัญ หรืออวัยวะที่สัมผัสรังสีไม่ได้ เช่น มะเร็งกระดูกฐานกะโหลกศีรษะ มะเร็งบริเวณไซนัส หรือ มะเร็งตับ เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทุกเพศ ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเด็ก เพราะรังสีที่ตกกระทบอวัยวะปกติข้างเคียงมากเกินไปจากการรักษาด้วยรังสีปรับความเข้ม ย่อมมีผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก

รู้จักกับส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องโปรตอน

  1. ไซโคลตรอน (Cyclotron)
    เป็นเครื่องเร่งอนุภาคโปรตอนแบบวงกลม โดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าและไฟฟ้ากระแสสลับ เร่งความเร็วของโปรตอนจนได้พลังงานสูง 250 MeV สามารถเคลื่อนที่เข้าสู่ร่างกายได้ลึก 30 เซนติเมตร และก่อนถูกส่งเข้าสู่ท่อลําเลียง
  2. ท่อลําเลียงอนุภาค (Beam Line)
    ทําหน้าที่ลําเลียงโปรตอนไปสู่ หัวเครื่อง โดยมีแม่เหล็กแรงสูงบังคับ ทิศทางของอนุภาคโปรตรอน
  3. ระบบลดทอนพลังงาน (Degrader System)
    เพื่อลดทอนพลังงานของอนุภาคโปรตอน ให้ตรงตามแผนการรักษา
  4. หัวเครื่องแบบหมุนรอบวง (Gantry)
    ประกอบด้วยแม่เหล็กแรงสูงบนโครงสร้างวงแหวนขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนได้ 360 องศา รอบตัวผู้ป่วย เพื่อเลือกทิศทางเข้าของอนุภาคโปรตอน ได้อย่างเหมาะสม
  5. หัวบังคับลําอนุภาคโปรตอน แบบละเอียด (Nozzle)
    เป็นจุดสุดท้ายที่อนุภาคโปรตอนออกจากเครื่องไปยังก้อนมะเร็ง โดยมีแม่เหล็กขนาดเล็กทําหน้าที่ ควบคุมการเคลื่อนไหวของลําอนุภาคไปยังก้อนมะเร็งมีความละเอียดระดับมิลลิเมตร

ประโยชน์ในการรักษามะเร็ง ด้วยเครื่องโปรตอน
ด้วยเทคโนโลยีอันน่าทึ่งของเครื่องโปรตอนจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมีทั้งกลุ่มโรคที่มีผลการศึกษาวิจัยรองรับ และกลุ่มโรคที่อยู่ในระหว่างการศึกษา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง โรคมะเร็งที่สามารถรักษาได้ ด้วยอนุภาคโปรตอน อ้างอิงจาก ASTRO Model Policies 2017 และ JASTRO 2017 แบ่งออกเป็น

กลุ่มโรคที่มีผลการศึกษารองรับ
ประโยชน์ของอนุภาคโปรตอน

  • โรคมะเร็งในเด็ก (Pediatric Tumors)
  • เนื้องอกและมะเร็งที่ฐานกะโหลกศีรษะ (Base of Skull Tumors)
  • เนื้องอกและมะเร็งในสมองและไขสันหลัง (Brain and Spinal Tumors)
  • โรคมะเร็งตา (Ocular Tumors) -โรคมะเร็งหูคอจมูก (Head and Neck Cancers)
  • โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Cancer) – โรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Sarcomas)
  • โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) -โรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสี (Re-irradiation)

 

กลุ่มโรคที่อยู่ในระหว่างการศึกษายืนยัน ถึงประโยชน์ของอนุภาคโปรตอน

  • โรคมะเร็งปอดและทรวงอก (Lung and Mediastinal Tumors)
  • โรคมะเร็งทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Malignancies)
    ได้แก่ โรคมะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal Cancer) โรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer) โรคมะเร็งท่อน้ําดี (Biliary Cancers)
  • โรคมะเร็งในลําไส้ตรงและทวารหนัก (Rectal and Anal Cancer)
  • โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer)
  • โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
  • โรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer)

เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนเป็นการรักษา แบบจําเพาะเจาะจงต่อก้อนมะเร็ง สามารถกําหนดทิศทางของลําอนุภาคไปยัง ก้อนมะเร็งได้อย่างแม่นยํา ทําให้อวัยวะปกติที่อยู่ใกล้กับก้อนมะเร็งจะได้รับ ปริมาณรังสีน้อยมากหรือไม่ได้รับเลย แพทย์จึงสามารถเพิ่มปริมาณรังสีสูงสุด ที่สามารถทําลายเซลล์มะเร็งได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยลดผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น อาการเจ็บปาก เจ็บคอ ปากแห้ง คอแห้ง ภาวะลําไส้อักเสบ ภาวะไขกระดูกเสื่อม ความจําเสื่อม เป็นต้น เป็นการเพิ่ม คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งเด็ก ที่จะช่วยลดความผิดปกติด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการ และลดโอกาส การเกิดมะเร็งชนิดที่สอง (Secondary Malignancy) อีกด้วย นอกจากนั้น แล้วการรักษาด้วยอนุภาคโปรตอนสามารถเพิ่มปริมาณรังสีไปยังก้อนมะเร็งได้ อย่างแม่นยํา โดยไม่ทําให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้น จึงสามารถให้การรักษาแบบ Hypofractionation และ Stereotactic Radiotherapy ซึ่งเป็นการให้รังสี ปริมาณสูงต่อครั้ง ด้วยจํานวนครั้งการฉายที่ลดลง ช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลา ในการรักษา รวมทั้งเป็นการลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ลงได้

เกร็ดความรู้ 

  • โปรตอนเป็นอนุภาคขนาดเล็ก มีประจุบวกและมีมวล ต่างจาก รังสีเอกซเรย์ที่ใช้ในการรักษามะเร็งในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีประจุไฟฟ้าและไม่มีมวล 
  • ไซโคลตรอนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 3.2 เมตร เทียบเท่ากับความกว้างของรถยนต์ 2 คัน 
  • ไซโคลตรอน ทําหน้าที่เร่งอนุภาคโปรตอนให้มีความเร็วสูง ถึง 200,000 กิโลเมตรต่อวินาที คิดเป็น 2/3 เท่าของ ความเร็วแสง เพื่อให้ได้พลังงานสูงก่อนถูกลําเลียงไปใช้ รักษาผู้ป่วยต่อไป 
  • เครื่องไซโคลตรอนประกอบด้วยสนามแม่เหล็กแบบตัวนํา ยิ่งยวดที่มีความเข้ม 2.4 เทสลา หรือ 48,000 เท่าของ ความเข้มสนามแม่เหล็กบนพื้นผิวโลก 
  • หัวเครื่องแบบหมุนรอบวง (Gantry) มีความสูงถึง 10 เมตร เทียบได้กับตึกสูง 3 ชั้น 
  • เครื่องโปรตอนแต่ละเครื่องในโลกจะมีชื่อเรียกเฉพาะ ของตัวเอง เครื่องโปรตอนที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีชื่อว่า “ดานา” (DANA) 
  • DANA เป็นเครื่องโปรตอนเครื่องแรกที่ติดตั้งในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศถัดไปที่จะดําเนินการติดตั้ง เครื่องโปรตอนคือ สิงคโปร์ 

ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นับเป็นมิติใหม่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีคุณอนันต์ในการรักษา ผู้ป่วยมะเร็งทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์ต้นแบบในการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อมอบการรักษาที่ดีที่สุดและเข้าถึงง่ายที่สุดให้แก่ผู้ป่วยทุกคน